วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

ชื่อ นายเปี่ยมศักดิ์ ฆ้องส่งเสียง เลขที่11 ห้องม.5/10
กลุ่มที่ 10
ปัญหาที่นักเรียนศึกษา ปัญหายาเสพติดในวัยรุ่น

ที่มาและความสำคัญของปัญหา
ในปัจจุบันประเทศไทยของเรานั้นได้มีการใช้สารเสพติดกันอย่างแพร่หลาย แทบจะทุกเพศทุกวัยเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะในวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยที่อยากรู้ อยากลอง ทำให้ปัญหายาเสพติดนี้ เป็นปัญหาอย่างมากในวัยรุ่น และในสังคม ซึ่งส่งผลต่อสภาพสังคมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจของผู้เสพ
ทางผู้จัดทำเล็งเห็นว่าปัญหายาเสพติดส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และปัญหาด้านความมั่งคงในประเทศซึ่งอาจนำไปถึงการก่ออาชญากรรม จึงได้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด เพื่อนำมาทำเป็นหนังสั้นนำเสนอสู่ชุมชน โดยนำเสนอสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมจากปัญหายาเสพติด เพื่อให้คนในสังคมได้ตระหนักถึงปัญหายาเสพติด และหวังว่าเมื่อผู้ที่เสพยาเสพติด หรือผู้ที่คิดจะลองได้มาศึกษาและติดตามแล้ว จะทำให้ผู้เสพ กลับตัวกลับใจเพื่อตัวผู้เสพเอง และเพื่อสังคมได้อีกด้วย
ดังนั้นผู้จัดทำจึงนำเสนอแนวคิดและปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นในสังคม เพื่อให้ทุกด้านมีส่วนร่วมช่วยกันแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาต่อไป

วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาปัญหายาเสพติดในวัยรุ่น
2.เพื่อเรียนรู้วิธีการสร้างภาพยนต์สั้น

ผลการศึกษา
1. ได้รู้ว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่ติดยาเสพติด มีสาเหตุมาจาก ความอยากรู้อยากเห็น ที่จะทดลองยาเสพติด และไม่ตระหนักถึงปัญหาที่จะตามมา หรืออีกส่วนก็มีปัญหามาจากความเครียด เช่น การเรียน ความรัก ครอบครัว และอีกหลายๆเรื่องที่สามารถทำให้เครียด จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นติดยาเสพ
2. จากการฝึกอบรมและเรียนรู้วิธีการทำหนังสั้น สามารถนำความรู้จากการอบรมมาประยุกต์ใช้กับการทำงานได้ เรียนรู้เกี่ยวกับมุมกล้องที่จะนำมาถ่ายทำภาพยนต์สั้น


เสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยองค์ความรู้จากการค้นพบ

            ระหว่างการศึกษาค้นพบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะ การที่วัยรุ่นในสมัยนี้มีอิสระมากเกินไป การไม่ใส่ใจของคนในครอบครัวและกฎหมายที่ไม่เข้มงวดเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด ดังนั้นแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้คือ เอาใจใส่วัยรุ่นให้มากๆเพราะถ้าเกิดความเครียดแล้วไม่มีใครใส่ใจจะทำให้เกิดการคิดสั้นและนำไปสู่การมีปัญหายาเสพติดตามมาและหน่วยงานทุกส่วนควรมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหายาเสพติด เช่น โรงเรียนก็มีการรณรงค์เรื่องยาเสพติด บอกโทษและผลเสียของผู้ที่ติดยาเสพติด เพราะถ้าหากไม่ช่วยกันก็จะทำให้ปัญญาหาเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น จนไม่สามารถแก้ไขได้

นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเรียนวิชา IS1
1. ได้เรียนเกี่ยวกับการสร้าง Blogger เพื่อนำมาประยุกต์และใช้ในการเรียน
2. ได้รู้ถึงขั้นตอนการทำภาพยนต์สั้น 
3. ได้รู้ถึงการเลือกมุมกล้องเพื่อสื่ออารมณ์ของภาพยนตืได้ถูกต้อง



วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สถาบันบำบัดผู้ติดยาเสพติด

สถาบันบำบัดผู้ติดยาเสพติด

ในเขตกรุงเทพมหานคร สามารถใช้บริการได้ที่โรงพยาบาล และคลีนิกยาเสพติด ในศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้แก่
โรงพยาบาล
     ๑.  โรงพยาบาลราชวิถี โทร. ๐ - ๒๒๔๖ - ๐๐๕๒ ต่อ ๔๓๐๒
     ๒.  โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า โทร. ๐ - ๒๒๔๖ - ๑๔๐๐ ถึง ๑๔๒๘ ต่อ ๓๑๘๗
     ๓.  โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพฯ โทร. ๐ - ๒๔๑๑ - ๒๔๑๙๑
     ๔.  โรงพยาบาลนิติจิตเวช โทร ๐ - ๒๔๔๑ - ๙๐๒๖ - ๙
     ๕.  โรงพยาบาลตากสิน โทร. ๐ - ๒๘๖๓ - ๑๓๗๑ ถึง ๒, ๐ - ๒๔๓๗ - ๐๑๒๓ ต่อ ๑๑๕๓,๑๒๔๘
          ในเขตกรุงเทพมหานคร สามารถใช้บริการได้ที่โรงพยาบาล และคลีนิกยาเสพติด ในศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้แล้ว


คลินิกยาเสพติดในศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย กทม.
     ๑.  คลินิกยาเสพติด ๑ ลุมพินี    โทร. ๐ - ๒๒๕๐ - ๐๒๘๖
     ๒.  คลินิกยาเสพติด ๒ สี่พระยา   โทร. ๐ - ๒๒๓๖ - ๔๑๗๔
     ๓.  คลินิกยาเสพติด ๓ บางอ้อ  โทร. ๐ - ๒๔๒๔ - ๖๙๓๓
     ๔.  คลินิกยาเสพติด ๔ บางซื่อ  โทร. ๐ - ๒๕๘๗ - ๐๘๗๓
     ๕.  คลินิกยาเสพติด ๕ ดินแดน                โทร. ๐ - ๒๒๔๕ - ๐๖๔๐
     ๖.  คลินิกยาเสพติด ๖ วัดธาตุทอง  โทร. ๐ - ๒๓๙๑ - ๘๕๓๙
     ๗.  คลินิกยาเสพติด ๗ สาธุประดิษฐ์       โทร. ๐ - ๒๒๘๔ - ๓๒๔๔
     ๘.  คลินิกยาเสพติด ๘ ซอยอ่อนนุช        โทร. ๐ - ๒๓๒๑ - ๒๕๖๖
     ๙.  คลินิกยาเสพติด ๙ บางขุนเทียน         โทร. ๐ - ๒๔๖๘ - ๒๕๗๐
     ๑๐. คลินิกยาเสพติด ๑๐ สโมสรวัฒนธรรม           โทร. ๐ - ๒๒๘๑ - ๙๗๓๐
     ๑๑. คลินิกยาเสพติด ๑๑ ลาดพร้าว          โทร. ๐ - ๒๕๑๓ - ๒๕๐๙
     ๑๒. คลินิกยาเสพติด ๑๒ วงศ์สว่าง        โทร. ๐ - ๒๕๘๕ - ๑๖๗๒
     ๑๓. คลินิกยาเสพติด ๑๓ ภาษีเจริญ        โทร. ๐ - ๒๔๑๓ - ๒๔๓๕
     ๑๔. คลินิกยาเสพติด ๑๔ คลองเตย         โทร. ๐ - ๒๒๔๙ - ๑๘๕๒

     ๑๕. คลินิกยาเสพติด ๑๕ วัดไผ่ตัน          โทร. ๐ - ๒๒๗๐ - ๑๙๘๕

การรักษาผู้ติดยาม้า

การรักษาผู้ติดยาม้า

ผู้ที่ติดยาม้าหรือยาบ้าส่วนใหญ่จะได้แก่ ผู้ที่ทำงานในเวลากลางคืน ผู้ใช้แรงงาน หรือผู้ที่ต้องทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น พนักงานขับรถโดยสารหรือรถบรรทุก ผู้ใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม ผู้หญิงที่ทำงานกลางคืน ตลอดจนนักเรียน นักศึกษาที่หักโหมในการดูหนังสือ เหตุที่เป็นคนเหล่านี้เพราะ คนเหล่านี้มักเข้าใจผิดคิดว่าหากใช้ยาม้าหรือยาบ้าแล้วจะสามารถทำงานหรือดูหนังสือได้นานมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้คำนึงถึงอันตรายและผลร้ายที่ตามมาภายหลัง ซึ่งได้แก่ สุขภาพจะทรุดโทรมทั้งร่างกายและจิดใจ เพราะสมองถูกกระตุ้นให้ทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา เมื่อยาหมดฤทธิ์จะอ่อนเพลีย เซื่องซึม เศร้าหมองและหลับนาน ถ้าใช้เกินขนาดจะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
          ดังนั้น การรักษาผู้ที่ติดยาม้าหรือยาบ้าจะต้องประกอบไปด้วย
          1.               การให้ความรู้เกี่ยวกับยาม้าหรือยาบ้าแก่ผู้เสพติดแล้ว ให้เข้าใจโดยถ่องแท้ถึงพิษของยาม้าหรือยาบ้า ที่มีต่อตัวผู้เสพติดทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อผู้เสพติดจะได้มีความกลัวต่อผลร้ายเหล่านั้น และมีความตั้งใจที่จะเลิกยาม้าหรือยาบ้าอย่างจริงจัง
          2. การปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมโดยรอบของผู้ติดยาม้าหรือยาบ้า ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่ขาดความเข้าใจซึ่งกันและกัน ครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น ครอบครัวที่ขาดความเอาใจใส่ที่ดีพอ รวมทั้งเพื่อนฝูง หรือชุมชนโดยรอบๆ บ้านของผู้ติดยาม้าหรือยาบ้า ตลอดจนเพื่อนนักเรียนในโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งต้องการการตรวจสอบหาข้อมูลอย่างจริงจัง หาข้อมูลให้ถึงแก่นแท้ของปัญหาจากสิ่งแวดล้อม และดำเนินการแก้ไขไปพร้อมๆ กับข้ออื่นๆ
          3. ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของผู้เสพติด และพ่อแม่ผู้ปกครองของผู้ที่ติดยาเสพติดที่จะต้องการละหรือเลิกเสพยาม้าหรือยาบ้าตลอดไปให้ได้
          4. ผู้เสพติดยาม้าหรือยาบ้า จะต้องไปรับการรักษาจากสถาบันทางการแพทย์ต่างๆ เช่น โรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข ทั้งในต่างจังหวัดและกรุงเทพมหานคร อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหายจากการเสพติดอย่างเด็ดขาด

          5. ความสำเร็จในการเลิกเสพติดยาม้าหรือยาบ้า ได้ถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ซึ่งนอกเหนือจากการช่วยตนเองแล้ว ท่านได้ช่วยเหลือครอบครัวของท่าน ท่านได้ช่วยเหลือสังคมโดยส่วนรวม อันหมายถึงประเทศไทยอันเป็นที่รักของเรานั่นเอง

การป้องกันการติดยาเสพติด

การป้องกันการติดยาเสพติด
   การป้องกันการติดยาเสพติด
         ๑. ป้องกันตนเอง ไม่ใช้ยาโดยมิได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และจงอย่าทดลองเสพยาเสพติดทุกชนิดโดยเด็ดขาด เพราะติดง่ายหายยาก
         ๒. ป้องกันครอบครัว ควรสอดส่องดูแลเด็กและบุคคลในครอบครัวหรือที่อยู่รวมกัน อย่าให้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องคอยอบรมสั่งสอนให้รู้ถึงโทษและภัยของยา-เสพติด   หากมีผู้เสพยาเสพติดในครอบครัว จงจัดการให้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลให้หายเด็ดขาด การรักษาแต่แรกเริ่มติดยาเสพติดมีโอกาสหายได้เร็วกว่าที่ปล่อยไว้นานๆ
         ๓. ป้องกันเพื่อนบ้าน โดยช่วยชี้แจงให้เพื่อนบ้านเข้าใจถึงโทษและภัยของยาเสพติด โดยมิให้เพื่อนบ้านรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ต้องถูกหลอกลวง และหากพบว่าเพื่อนบ้านติดยาเสพติด จงช่วยแนะนำให้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
         ๔. ป้องกันโดยให้ความร่วมมือกับทางราชการ เมื่อทราบว่าบ้านใดตำบลใด มียาเสพติดแพร่ระบาดขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ตำรวจทุกแห่งทุกท้องที่ทราบ หรือที่ศูนย์ปราบปรามยาเสพติดให้โทษ กรมตำรวจ (ศปส.ตร.) โทร. 2527962 , 0-252-5932   และ  ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.)   สำนักนายกรัฐมนตรีโทร. 2459350-9

          ยาเสพติดป้องกันได้
     ๑. ป้องกันตนเอง ทำได้โดย..
                • ศึกษาหาความรู้ เพื่อให้รู้เท่าทันโทษพิษภัยของยาเสพติด
                • ไม่ทดลองใช้ยาเสพติดทุกชนิดและปฏิเสธเมื่อถูกชักชวน
                • ระมัดระวังเรื่องการใช้ยา เพราะยาบางชนิดอาจทำให้เสพติดได้
                • ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
                • เลือกคบเพื่อนดี ที่ชักชวนกันไปในทางสร้างสรรค์
                • เมื่อมีปัญหาชีวิต ควรหาหนทางแก้ไขที่ไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติดหากแก้ไขไม่ได้ควรปรึกษาผู้ใหญ่

          ๒. ป้องกันครอบครัว ทำได้โดย
               • สร้างความรัก ความอบอุ่นและความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกในครอบครัว
               • รู้และปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง
               • ดูแลสมาชิกในครอบครัว ไม่ให้ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด
               • ให้กำลังใจและหาทางแก้ไข หากพบว่าสมาชิกในครอบครัวติดยาเสพติด

          ๓. ป้องกันชุมชน ทำได้โดย
                • ช่วยชุมชนในการต่อต้านยาเสพติด
                • เมื่อทราบแหล่งเสพ แหล่งค้า หรือผลิตยาเสพติด ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที ที่...
                • สำนักงาน ป.ป.ส. โทร. 02-2459414 หรือ 02-2470901-19 ต่อ 258 โทรสาร 02-2468526

                • ศูนย์รับแจ้งข่าวยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร. 1688

เยาวชนกับการป้องกัน และ แก้ไขปัญหายาเสพติด

เยาวชนกับการป้องกัน และ แก้ไขปัญหายาเสพติด
ปัจจุบันเยาวชนที่ตกเป็นทาสของยาเสพติด ส่วนมากมาจากสาเหตุหลายประการที่เกิดจากตัวเยาวชนเอง เช่น 
          - ความอยากรู้ อยากทดลอง ความคึกคะนองของเยาวชน -ความต้องการให้เป็นที่ยอมรับของกลุ่มเพื่อนหรือเข้ากับเพื่อนได้           - ความไม่รู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเยาวชนใช้ยาในทางที่ผิดหรือหลงเชื่อคำโฆษณา
          - จิตใจของเยาวชนเอง จิตใจอ่อนแแอ ใจคอไม่หนักแน่น เมื่อมีปัญหา ไม่สมหวัง ไม่ไตร่ตรองหาเหตุผลเพื่อแก้ปัญหา ก็ใช้ยาหรือยาเสพติดเป็นเครื่องช่วยระงับความรู้สึกทุกข์ของตน  ใช้บ่อยๆ  ทำให้เกิดการเสพติด  ฉะนั้น การป้องกันและแก้ไขตนเองของเยาวชนให้ปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด สามารถกระทำได้โดย ดังนี้
          ๑. ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโทษและพิษภัยของยาเสพติด และระมัดระวังในการใช้ยา
          ๒. รู้จักเลือกคบเพื่อนที่ดี ส่งเสริมให้คิดและกระทำสิ่งดีมีประโยชน์กล้าพูดปฏิเสธเพื่อนที่ชักจูงไปในทางที่ไม่ดี เช่น  การพูดปฏิเสธเพื่อนที่ชวนให้ลองเสพยาเสพติด
          ๓. ใช้เวลาว่าง และความอยากรู้ อยากลอง ไปในทางที่เป็นประโยชน์พึงระลึกเสมอว่าตนเองนั้นมีคุณค่าทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม
          ๔. มีความภาคภูมิใจและนับถือตนเอง ด้วยการไม่พึงพาหรือเกี่ยวข้องอบายุมขและสิ่งเสพติดใดๆ ซึ่งจะนำความเสื่อมไปสู่ชีวิตของตนเอง
          ๕.รู้จักแก้ไขปัญหาชีวิตของตนเองด้วยเหตุและผล
          ๖. รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง ด้วยการตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เชื่อฟังคำสั่งสอนของ พ่อแม่และประพฤติแต่ในสิ่งที่ดีงามจะช่วยให้เยาวชนประสบกับความสำเร็จในชีวิต
          ๗. ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส เข้าใจวิธีการดำเนินชีวิตและยอมรับความเป็นจริง ที่ตนเองเป็นอยู่ โดยนำหลักศาสนามาเป็น แนวทางในการดำเนินชีวิต จะช่วยให้เยาวชนเกิดความมั่นคงทางด้านจิตใจมากขึ้น
          ๘. เมื่อมีปัญหา รู้จักปรึกษาผู้ใหญ่ พ่อ แม่ หรือผู้ที่ไว้วางใจ หรือ หน่วยงานต่างๆ ที่รับให้คำปรึกษา ในฐานะที่เยาวชนเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว จึงควรมีส่วนช่วย พ่อแม่ ผู้ปกครอง
 การป้องกันปัญหายาเสพติดแก่ครอบครัวาของตนเอง
          ๑. ช่วย พ่อ แม่ สอดส่องดูแลน้องๆ หรือสมาชิกคนอื่นๆภายในครอบครัวมิให้กระทำสิ่งที่ผิด เช่น การคบเพื่อนที่ไม่ดี การมั่วสุมในอบายมุขและสิ่งเสพติด เยาวชนควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก ่สมาชิกคนอื่นๆภายในครอบครัวด้วย เช่น               การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ความมีระเบียบวินัย ความขยันหมั่นเพียร
          ๒. ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว มีความรักใคร่กลมเกลียวและมีความเข้าใจกัน  ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อมีปัญหา
          ๓. เมื่อมีโอกาสควรบอกกล่าวหรือตักเตือนสมาชิกคนอื่นๆภายในครอบครัว โดยเฉพาะน้องๆให้รู้เกี่ยวกับโทษพิษภัยของ ยาเสพติดวิธีการใช้ยาอย่างปลอดภัย

          ๔. ช่วยทำให้ พ่อ แม่ เกิดความสบายใจและภาคภูมิใจด้วยการประพฤติดี ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน แบ่งเบาภาระหน้าที่การงาน

เยาวชนกับยาเสพติด

เยาวชนกับยาเสพติด
อิทธิพลของเพื่อน
          เพื่อนเป็นคนสำคัญของเราก็จริงอยู่ แต่ถ้าเพื่อนมีอิทธิพลต่อเราในทางที่ไม่ดี พาไปเสียผู้เสียคน ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนก็ต้องให้สติด้วยการตักเตือน และปฏิเสธไม่ทำตามและชักจูงให้เขาได้ใช้ชีวิตที่ถูกต้องและดีงาม แต่ถ้าหากเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เหลือบ่ากว่าแรงก็คงต้องโบกมือลาเลิกคบเสียดีกว่า ถือคติที่ว่า มีเพื่อนดีเพียงหนึ่ง ถึงจะต้อง ดีกว่าเพื่อนร้อยเพื่อนเลว
ถ้าเป็นเรื่องยาเสพติด ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง
          เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยตนเองแล้วจึงเชื่อ แต่เรื่องยาเสพติดไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง เพราะกาลเวลาผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ยาเสพติดก็ยังเป็นสิ่งที่มีโทษพิษภัยต่อร่างกาย และมีผลกระทบทำลายครอบครัว ชุมชน และความมั่นคงของประเทศชาติ หากลูกหลายจะลงทุนพิสูจน์ยาเสพติดด้วยการทดลองใช้ด้วยตนเองก็เป็นการลงทุนที่สูงมาก ไม่คุ้มกับการลงทุน เพราะยาเสพติดมีฤทธิ์ทางเภสัช ทำให้เสพติดได้ และเลิกได้ยาก บางทีอาจสูญเสียเวลาและอนาคตกับเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นอย่าได้คิดทดลองเลยจะดีกว่า
เยาวชนจะต้องรู้เท่าทันผู้ค้ายาเสพติด
          เยาวชนส่วนใหญ่อยู่ในวัยเรียน มีเงินอยู่ในกระเป๋าเสมอสําหรับค่าขนม และค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่จำเป็น ซึ่งพ่อแม่และผู้ปกครองให้มา จึงทำให้ผู้ลักลอบค้ายาเสพติดมีความมั่นใจว่าการค้ายาเสพติดให้กับเยาวชนนั้นจะทำให้มีลูกค้าอยู้สม่ำเสมอ และใช้กลยุทธในการขายแบบขายตรง(Direct sale) ในกลุ่มเพื่อนสนิท และด้วยความเป็นเพื่อนสนิทจึงไม่กล้าเปิดเผยความผิดของเพื่อน และไม่กล้าปฏิเสธเพื่อน จึงทำให้การแพร่ระบาดยาเสพติดเป็นไปอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว จึงจำเป็นที่เยาวชนจะต้องรู้เท่าทันกลลวงของผู้ค้ายาเสพติดที่จ้องจะดูดเงินค่าขนมในกระเป๋าของเยาวชนตลอดมา
ติดกีฬาก็มีความสุขได้

          การเล่นกีฬาไม่ใช่เป็นแต่เพียงกิจกรรมทางเลือกที่เบี่ยงเบนความสนใจของเยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติดเท่านั้น แต่ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เชื่อว่า การออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬานั้นจะทำให้ต่อมไร้ท่อใต้สมองหลั่งสารเคมีชนิดหนึ่งชื่อ เอนโดฟีนออกมา ซึ่งสารชนิดนี้ จะทำให้รู้สึกสดชื่น และ เป็นสุข ผู้ที่ออกกำาลังกายอยู่เสมอจึงมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์สมกับที่กล่าวว่า กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษดังนั้น จึงควรที่จะช่วยกันส่งเสริมให้เยาวชนได้ออกกำลังกายและเล่นกีฬา เพื่อให้มีสาร เอนโดฟีนอยู่ในร่างกายเกิดความสุขได้โดยไม่ต้องพึ่งพายาเสพติด

ปัญหายาเสพติดของวัยรุ่น

ปัญหายาเสพติดของวัยรุ่น
ยาเสพติดเป็นปัญหาสังคมที่ยิ่งใหญ่ ที่ต้องการการแก้ไขอย่างจริงจัง และอย่างจริงใจ ของผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าท่านเป็นวัยรุ่นที่เลือกหัวข้อนี้ ขอบอกทันทีเลยว่า ท่านคือส่วนที่สำคัญที่สุดในการแก้ปัญหา ไม่มีใครที่ติดยาเสพติดโดยที่ตนเองไม่ยินยอมที่จะเสพ เพราะฉะนั้นคำว่า ไม่เริ่ม...ไม่ต้องเลิก ท่านต้องจำ 5 คำนี้ให้ดี คาถาปัองกันปัญหายาเสพติด ท่านทราบดีอยู่แล้วว่ายาเสพติดเป็นสิ่งไม่ดี ดังนั้นท่านต้องหัดปฏิเสธ ท่านต้องเจ้าเล่ห์เพทุบายในการหลบ หลีกเลี่ยงการลองยาเสพติด ที่เพื่อนรักของท่านนำมาให้หรือชักจูงท่านด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ ท่านสามารถที่จะบอกว่าท่านมีอาการแพ้สิ่งนั้นอย่างรุนแรง ท่านมีปอดและระบบทางเดินหายใจไม่ดี เสพที่ใด ไอจามทุกที นอนไม่หลับ สารพัดเหตุผลที่ท่านสามารถนำขึ้นมาพูดกับเพื่อนที่แสนที่จะไม่หวังดีต่อท่าน ถ้าท่านตั้งมั่นในดวงใจอยู่เสมอว่า ชั่วชีวิตนี้ท่านจะไม่ยอมติดยาเสพติดเป็นอันขาด
          ในโลกนี้มีสิ่งที่งดงามสนุกสนานอีกมากมาย ที่ท่านสามารถกระทำได้ โดยไม่ก่อให้เกิดการบั่นทอนสุขภาพร่างกาย และจิตใจของท่าน ท่านทราบดีอยู่แล้วถึงพิษภัยของของยาเสพติด เอ๊ะแล้วทำไมเพื่อนรักของท่านมาชวนท่านเสพยาเสพติด เพื่อนหวังดีกับท่านจริงหรือ  เพื่อนมีอะไรซ่อนเร้นอยู่ในใจหรือเปล่า  เพื่อนเป็นตัวอย่างที่ดีที่ท่านควรทำตามหรือไม่ เพื่อนอยู่ในวงจรอุบาทว์ที่ท่านควรคิดช่วยเขา แทนที่เพื่อนจะมาชวนท่านเสพ แล้วฉุดท่านเข้าไปอยู่ในวงจรอุบาทว์นั้นด้วย มันถูกต้องหรือนี่  การเล่นกีฬา

เล่นดนตรี ร้องรำทำเพลง เที่ยวเตร่เพื่อความสนุกสนาน วาดรูป เล่นเกมส์ต่างๆ ท่องเที่ยวไปในโลกของอินเตอร์เนตในคอมพิวเตอร์ และกิจกรรมอีกมากมายที่จะนำความสุขมาสู่ตัวท่าน ท่านต้องรักตัวท่าน ท่านต้องไม่ทำให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองของท่านเสียใจ โปรดเชื่อเถิดว่า เสพยาเสพติดไม่นานเกิน 1 ปีหรอก ร่างกายของท่านจะตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ การบำบัดรักษาให้เลิกยาเสพติดเป็นไปด้วยความยากลำบาก ถ้าท่านอยู่ในภาวะที่เศร้าโศกเสียใจและยังแก้ปัญหาในขณะนี้ไม่ได้ ยาเสพติดไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาของท่านอย่างแน่นอน ขอให้คิดให้ดีและขอให้ท่านโชคดีแก้ปัญหาให้ได้

การสังเกตผู้ติดยาเสพติด

การสังเกตผู้ติดยาเสพติด
วิธีสังเกตุอาการผู้ติดยาเสพติด
          จะสังเกตว่าผู้ใดใช้หรือเสพยาเสพติด ให้สังเกตจากอาการและการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย และจิตใจดังต่อไปนี้  
 ๑. การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จะสังเกตได้จาก
          - สุขภาพร่างกายทรุดโทรม ซูบผอม ไม่มีแรง อ่อนเพลีย
          - ริมฝีปากเขียวคล้ำ แห้ง และแตก
          - ร่างกายสกปรก เหงื่อออกมาก กลิ่นตัวแรงเพราะไม่ชอบอาบน้ำ
          - ผิวหนังหยาบกร้าน เป็นแผลพุพอง อาจมีหนองหรือน้ำเหลือง คล้ายโรคผิวหนัง
          - มีรอยกรีดด้วยของมีคม เป็นรอยแผลเป็นปรากฏที่บริเวณแขน และ/หรือ ท้องแขน
          - ชอบใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และสวมแว่นตาดำเพื่อปิดบังม่านตาที่ ขยาย

 ๒. การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ ความประพฤติและบุคลิกภาพ สังเกตุได้จาก
          - เป็นคนเจ้าอารมย์ หงุดหงิดง่าย เอาแต่ใจตนเอง ขาดเหตุผล
          - ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่
          - ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
          - พูดจากร้าวร้าว แม้แต่บิดามารดา ครู อาจารย์ ของตนเอง
          - ชอบแยกตัวอยู่คนเดียว ไม่เข้าหน้าผู้อื่น ทำตัวลึกลับ
          - ชอบเข้าห้องน้ำนาน ๆ
          - ใช้เงินเปลืองผิดปกติ ทรัพย์สินในบ้านสูญหายบ่อย
          - พบอุปกรณ์เกี่ยวกับยาเสพติด เช่น หลอดฉีดยา เข็มฉีดยา กระดาษตะกั่ว
          - มั่วสุมกับคนที่มีพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติด
          - ไม่สนใจความเป็นอยู่ของตนเอง แต่งกายสกปรก ไม่เรียบร้อย ไม่ค่อยอาบน้ำ 
          - ชอบออกนอกบ้านเสมอ ๆ และกลับบ้านผิดเวลา 
          - ไม่ชอบทำงาน เกียจคร้าน ชอบนอนตื่นสาย
          - มีอาการวิตกกังวล เศร้าซึม สีหน้าหมองคล้ำ
       
  ๓. การสังเกตุอาการขาดยา ดังต่อไปนี้
          - น้ำมูก น้ำตาไหล หาวบ่อย
          - กระสับกระส่าย กระวนกระวาย หายใจถี่ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาจมีอุจาระเป็นเลือด
          - ขนลุก เหงื่อออกมากผิดปกติ
          - ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดเสียวในกระดูก
          - ม่านตาขยายโตขึ้น ตาพร่าไม่สู้แดด
          - มีอาการสั่น ชัก เกร็ง ไข้ขึ้นสูง ความดันโลหิตสูง
          - เป็นตะคริว
          - นอนไม่หลับ

          - เพ้อ คลุ้มคลั่ง อาละวาด ควบคุมตนเองไม่ได้